โครงการต่อยอดเศรษฐกิจชุมชนด้วยการยกระดับผลิตภัณฑ์
ผู้รับผิดชอบ ให้ข้อมูล : ผศ.ดร.เหล็กไหล จันทะบุตร
SDG ที่เกี่ยวข้อง
เป้าหมายย่อยความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัย : พันธกิจสัมพันธ์เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค
แหล่งงบประมาณ : งบประมาณแผ่นดิน
กลุ่มเป้าหมาย : ชุมชน
พื้นที่ดำเนินงาน : บ้านเขวา ตำบล เขวา อำเภอ เมืองมหาสารคาม จังหวัด มหาสารคาม 44000
ระยะเวลาดำเนินงาน : 1 มีนาคม 2567 – 15 กรกฎาคม 2567
วัตถุประสงค์โครงการ :
1 เพื่อส่งเสริมการเพาะเลี้ยงกบนอกฤดู
2 เพื่อพัฒนาและออกแบบบรรจุภัณฑ์
3 เพื่อพัฒนาท้องถิ่นและส่งเสริมอาชีพแก่ชุมชนอย่างยั่งยืน
กิจกรรมหลัก :
การถ่ายทอดองค์ความรู้และฝึกทักษะ การเพาะเลี้ยงกบนาครบวงจร และการทำ น้ำหมักชีวภาพ เพื่อลดต้นทุนการผลิต
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ : 63 คน
งบประมาณที่ใช้ : 80,000 บาท
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น :
ผู้เรียนได้รับความรู้และทักษะเพื่อนำไป ประกอบอาชีพ สร้างรายได้ และ ต่อยอดเชิงพาณิชย์ อย่างยั่งยืน
ผลกระทบต่อชุมชน/สังคม :
. สร้างรายได้และอาชีพ: การเพาะเลี้ยงกบสามารถเป็นแหล่งรายได้เสริมให้กับครอบครัวในชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่มีโอกาสทางเศรษฐกิจจำกัด
2. เสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร: กบเป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพสูงและสามารถบริโภคได้ในครัวเรือน ทำให้ชุมชนมีอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
3. การอนุรักษ์พันธุ์กบ: โครงการนี้ช่วยในการอนุรักษ์พันธุ์กบโดยการเพาะเลี้ยงและปล่อยกบคืนสู่ธรรมชาติ ซึ่งช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศ
4. การพัฒนาทักษะและความรู้: ชุมชนจะได้รับการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะในการเพาะเลี้ยงกบ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการเกษตร
5. การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ: โครงการนี้เปิดโอกาสให้ชุมชนได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาการเพาะเลี้ยงกบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การมีส่วนร่วมของนักศึกษา/บุคลากร :
บุคลากรผู้เชี่ยวชาญทำหน้าที่ พัฒนาหลักสูตร ถ่ายทอดความรู้ และ ประสานงานสนับสนุน ตลอดโครงการ
ความต่อเนื่องของโครงการ :
เน้นการ ติดตามผล ผู้เข้าร่วม การ วิจัยและพัฒนานวัตกรรม (เช่น การเลี้ยงนอกฤดู) และการ ขยายเครือข่ายความรู้ สู่ชุมชนเพื่อความยั่งยืน
ปัญหา/อุปสรรค :
1. ปัญหาด้านงบประมาณ: การจัดอบรมต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการ เช่น ค่าใช้จ่ายในการจัดเตรียมสถานที่ อุปกรณ์ หากงบประมาณไม่เพียงพอ อาจทำให้การอบรมไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่
2. ปัญหาด้านอุปกรณ์และเทคโนโลยี: การขาดแคลนอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการเพาะเลี้ยงกบ เช่น ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในบ่อเลี้ยง อาจทำให้การเพาะเลี้ยงกบไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
3. ปัญหาด้านความรู้และทักษะ: เกษตรกรบางรายอาจขาดความรู้และทักษะในการเพาะเลี้ยงกบอย่างถูกต้อง ทำให้เกิดปัญหาในการดูแลรักษาสุขภาพกบและการป้องกันโรค2.
4. ปัญหาด้านการตลาด: การหาตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์จากกบยังคงเป็นอุปสรรค เนื่องจากเกษตรกรบางรายอาจไม่มีความรู้ในการแปรรูปและการตลาด ทำให้ไม่สามารถขายผลิตภัณฑ์ได้ในราคาที่ดี3.
5. ปัญหาด้านสภาพอากาศ: สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เช่น อุณหภูมิที่ต่ำในช่วงฤดูหนาว อาจทำให้กบไม่กินอาหารและเกิดการระบาดของโรคได้ง่าย
แนวทางการปรับปรุง :
การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องมีการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในด้านงบประมาณ การจัดหาอุปกรณ์และเทคโนโลยี การฝึกอบรมเพิ่มเติม และการสร้างเครือข่ายการตลาด เพื่อให้การเพาะเลี้ยงกบในตำบลเขวาประสบความสำเร็จและยั่งยืน
ข้อเสนอแนะต่อมหาวิทยาลัย :
สนับสนุนด้านการลงทุนและเทคโนโลยี: ควรมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในการเข้าถึง เงินทุนดอกเบี้ยต่ำ หรือ เงินทุนหมุนเวียน เพื่อนำไปจัดซื้อระบบอัตโนมัติและอุปกรณ์ที่จำเป็น นอกจากนี้ ควรส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ร่วมกัน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มอำนาจการต่อรอง
พัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องและครบวงจร: การอบรมครั้งเดียวอาจไม่เพียงพอ ควรจัด หลักสูตรเชิงปฏิบัติการ ที่ครอบคลุมทั้งทักษะด้านการเพาะเลี้ยงขั้นสูง, การแปรรูป, การออกแบบผลิตภัณฑ์, ไปจนถึงการตลาดดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำความรู้ไปใช้ได้จริงและครบทุกมิติของธุรกิจ
ส่งเสริมการเป็นเกษตรกรต้นแบบและเครือข่าย: ควรให้การสนับสนุน เกษตรกรต้นแบบ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และเป็นตัวอย่างความสำเร็จในชุมชน พร้อมทั้งสร้าง เครือข่ายระหว่างเกษตรกร เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น