โครงการมหกรรมยกระดับผลิตภัณฑ์สู่มหกรรมสินค้าชุมชนรวมพลังราชภัฏมหาสารคาม
ผู้รับผิดชอบ ให้ข้อมูล : ผศ.ดร.วสันต์ ปินะเต
SDG ที่เกี่ยวข้อง
เป้าหมายย่อยความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัย : พันธกิจสัมพันธ์เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค
แหล่งงบประมาณ : งบประมาณแผ่นดิน
กลุ่มเป้าหมาย : ชุมชน
พื้นที่ดำเนินงาน : มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ตำบล ตลาด อำเภอ เมืองมหาสารคาม จังหวัด มหาสารคาม 44000
ระยะเวลาดำเนินงาน : 1 มิถุนายน 2568 – 31 สิงหาคม 2568
วัตถุประสงค์โครงการ :
1) เพื่อพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนเป็นสินค้าต้นแบบในระดับพรีเมียม
2) เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน
3) เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการแข่งขันทางการตลาดโดยเชื่อมโยงกับพันธมิตรทางการค้า
4) เพื่อส่งเสริมและสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชนชนจากสินค้าที่ได้รับการพัฒนาเป็นสินค้าระดับพรีมียมตามมาตรฐานการแข่งขันเชิงพาณิชย์และเป็นที่ยอมรับต่อสากลมากยิ่งขึ้นจากการจัดมหกรรมสินค้า
กิจกรรมหลัก :
กิจกรรมที่ 1 มหกรรมยกระดับผลิตภัณฑ์สู่มหกรรมสินค้าชุมชนรวมพลังราชภัฏมหาสารคาม
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ : 200 คน
งบประมาณที่ใช้ : 150,000 บาท
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น :
1. ด้านเศรษฐกิจ
• ผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชนที่เข้าร่วมโครงการสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์จนมีมาตรฐานสูงขึ้น ทำให้รายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10–15 ตามเป้าหมาย
• ผลิตภัณฑ์ต้นแบบระดับพรีเมียมมากกว่า 10 รายการ ได้เข้าสู่ตลาดใหม่ ทั้งในแพลตฟอร์มออนไลน์และงานแสดงสินค้า OTOP ส่งผลให้ชุมชนมีช่องทางรายได้ที่หลากหลายและมั่นคงขึ้น
2. ด้านสังคม
• เกิดการรวมกลุ่มของชุมชนในรูปแบบ เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนมากกว่า 5 เครือข่าย ทำให้เกิดระบบการจัดการร่วมกันอย่างเข้มแข็ง
• มีความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย และภาคประชาชน ส่งผลให้การพัฒนาเป็นไปอย่างบูรณาการและต่อเนื่อง
3. ด้านการศึกษา
• นักศึกษาและบุคลากรมหาวิทยาลัยได้บูรณาการการเรียนการสอนกับการบริการวิชาการ ส่งผลให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ไม่น้อยกว่า 5 รายการ และนวัตกรรมชุมชนใหม่ไม่น้อยกว่า 5 รายการ
• เกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการ อาจารย์ นักศึกษา และประชาชนอย่างน้อย 5 พื้นที่ ช่วยเสริมสร้างทักษะด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ การตลาดดิจิทัล และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์อย่างเป็นรูปธรรม
4. ด้านสิ่งแวดล้อม
• มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่เป็น มิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้วัสดุจากธรรมชาติ และการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว
• เกิดการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาแปรรูปเพิ่มมูลค่า ช่วยลดปัญหาขยะและมลภาวะในชุมชน
• ชุมชนมีความตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับแนวทาง BCG Economy Model เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
ผลกระทบต่อชุมชน/สังคม :
• เกิดการรวมกลุ่มของชุมชนในรูปแบบ เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนมากกว่า 5 เครือข่าย ทำให้เกิดระบบการจัดการร่วมกันอย่างเข้มแข็ง
• เกิดการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาแปรรูปเพิ่มมูลค่า ช่วยลดปัญหาขยะและมลภาวะในชุมชน
• ชุมชนมีความตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับแนวทาง BCG Economy Model เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
การมีส่วนร่วมของนักศึกษา/บุคลากร :
• นักศึกษาและบุคลากรมหาวิทยาลัยได้บูรณาการการเรียนการสอนกับการบริการวิชาการ ส่งผลให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ไม่น้อยกว่า 5 รายการ และนวัตกรรมชุมชนใหม่ไม่น้อยกว่า 5 รายการ
• เกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการ อาจารย์ นักศึกษา และประชาชนอย่างน้อย 5 พื้นที่ ช่วยเสริมสร้างทักษะด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ การตลาดดิจิทัล และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์อย่างเป็นรูปธรรม
ความต่อเนื่องของโครงการ :
-
ปัญหา/อุปสรรค :
การดำเนินโครงการมหกรรมสินค้าชุมชนรวมพลังราชภัฏมหาสารคาม แม้จะประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ แต่ก็พบสภาพปัญหาและอุปสรรคบางประการ ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์ชุมชนบางกลุ่มยังขาดมาตรฐานด้านคุณภาพและความปลอดภัย ทำให้ไม่สามารถเข้าสู่ตลาดระดับพรีเมียมหรือสากลได้ทันที 2) การออกแบบบรรจุภัณฑ์ยังมีข้อจำกัด ทั้งด้านงบประมาณและความรู้ด้านการดีไซน์ที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม 3) ผู้ประกอบการบางรายยังขาดทักษะด้านการทำตลาดดิจิทัล ส่งผลให้การขยายช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ยังไม่ครอบคลุมมากนัก 4) ระยะเวลาในการดำเนินโครงการมีข้อจำกัด ทำให้บางกิจกรรม เช่น การติดตามผลการพัฒนาหลังจบงานมหกรรม ไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง และ 5) ข้อจำกัดด้านการประสานงานระหว่างเครือข่ายภาครัฐ เอกชน และชุมชน ทำให้บางพื้นที่ไม่สามารถเข้าร่วมได้เต็มที่
แนวทางการปรับปรุง :
เพื่อให้การดำเนินโครงการในอนาคตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงเสนอแนวทางการแก้ไข ดังนี้ 1) จัดอบรมเชิงลึกด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ (เช่น อย., GMP, HACCP, OTOP Premium) เพื่อยกระดับคุณภาพให้ตรงตามเกณฑ์สากล 2) ประสานความร่วมมือกับคณะศิลปกรรมศาสตร์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อสนับสนุนการสร้างอัตลักษณ์และเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ 3) จัดหลักสูตรอบรมด้านการตลาดออนไลน์และ e-commerce ให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มทักษะการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ 4) ขยายระยะเวลาโครงการหรือกำหนดการติดตามผลอย่างต่อเนื่องหลังสิ้นสุดกิจกรรม เพื่อวัดผลเชิงเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว และ 5) เสริมสร้างกลไกการประสานงานระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ เอกชน และเครือข่ายชุมชนให้เข้มแข็งขึ้น เพื่อให้เกิดการสนับสนุนอย่างบูรณาการและยั่งยืน
ข้อเสนอแนะต่อมหาวิทยาลัย :
โครงการควรเพิ่มความเข้มข้นด้านการอบรมเชิงลึกเฉพาะทาง เช่น การสร้างแบรนด์ การตลาดออนไลน์ และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน พร้อมทั้งมีการติดตามผลเพื่อประเมินการนำความรู้ไปใช้จริง อีกทั้งควรสร้างเครือข่ายความร่วมมือระยะยาวกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เพื่อสนับสนุนการเข้าสู่ตลาดพรีเมียม รวมถึงส่งเสริมการรวมกลุ่มหรือ “คลัสเตอร์” ผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีลักษณะใกล้เคียงกันเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองทางการตลาด ทั้งนี้การบูรณาการการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยกับการบริการวิชาการควรดำเนินต่อเนื่อง เพื่อให้ชุมชนได้รับการสนับสนุนและต่อยอดศักยภาพได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน