โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับเศรษฐกิจฐานราก
ผู้รับผิดชอบ ให้ข้อมูล : ผศ.ดร.วสันต์ ปินะเต
SDG ที่เกี่ยวข้อง
เป้าหมายย่อยความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัย : พันธกิจสัมพันธ์เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค
แหล่งงบประมาณ : งบประมาณแผ่นดิน
กลุ่มเป้าหมาย : ชุมชน
พื้นที่ดำเนินงาน : จังหวัดมหาสารคาม ตำบล ตลาด อำเภอ เมืองมหาสารคาม จังหวัด มหาสารคาม 44000
ระยะเวลาดำเนินงาน : 1 มกราคม 2568 – 31 สิงหาคม 2568
วัตถุประสงค์โครงการ :
1.เพื่อยกระดับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ด้วยองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ผ่านกระบวนการการมองภาพอนาคต (FORESIGHT)
2.เพื่อเสริมสนับสนุนให้คนในชุมชนสามารถบริหารจัดการชีวิตตนเองได้อย่างสมดุลและมีความเหมาะสมสามารถดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนำไปสู่การพึ่งพาตนเองและช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชุมชนได้อย่างยั่งยืน ในมิติด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อม
3.เพื่อพัฒนาชุมชนต้นแบบ (Social Lab) ด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ ต่อยอด ขยายผลการพัฒนาทั้งในเชิงประเด็น และเชิงพื้นที่
กิจกรรมหลัก :
1.โครงการพัฒนาชุมชนตำบลบรบือสู่หมู่บ้านราชภัฏขับเคลื่อนด้วยองค์ความรู้เชิงพื้นที่
1) ศึกษาปัญหา/การสำรวจความต้องการ
2) กิจกรรมที่ 1: "ผู้นำชุมชนสู่การเปลี่ยนแปลง
ด้วยกระบวนการลูกเสือ
3) กิจกรรมที่ 2: "สมุนไพรพื้นบ้านสู่นวัตกรรมสุขภาพ
และความงาม: ฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน"
4)กิจกรรมที่ 3: "ร้านค้าชุมชนออนไลน์: พลิกโฉมเศรษฐกิจดิจิทัล"
5)กิจกรรมที่ 4: "กำกับติดตามและประเมินผลลัพธ์สู่ความยั่งยืน"
2.โครงการการยกระดับศักยภาพการแปรรูปข้าวงอกเพื่อการแข่งขันเชิงพาณิชย์และยกระดับเศรษฐกิจฐานราก บ้านหนองฮี อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
กิจกรรมที่ 1 อบรมเชิงปฏิบัติการ ถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวข้าวด้วย วทน.
กิจกรรมที่ 2 อบรมเชิงปฏิบัติการ ถ่ายทอดองค์ความรู้ กระบวนการและเทคโนโลยีการแปรรูปข้าวงอก
กิจกรรมที่ 3 อบรมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาและสร้างต้นแบบกระบวนการแปรรูปข้าวงอกด้วยเทคโนโลยี
3.โครงการการยกระดับศักยภาพการแปรรูปข้าวงอกเพื่อการแข่งขันเชิงพานิชย์และยกระดับเศรษฐกิจฐานราก บ้านเหล่าจั่น อำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม
กิจกรรมที่ 1 อบรมเชิงปฏิบัติการ ถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวข้าวด้วย วทน.
กิจกรรมที่ 2 อบรมเชิงปฏิบัติการ ถ่ายทอดองค์ความรู้กระบวนการและเทคโนโลยีการแปรรูปข้าวงอก
กิจกรรมที่ 3 อบรมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาและสร้างต้นแบบกระบวนการแปรรูปข้าวงอกด้วยเทคโนโลยี
4.โครงการการยกระดับศักยภาพการผลิตพืชสมุนไพรเพื่อการแข่งขันเชิงพานิชย์และยกระดับเศรษฐกิจฐานรากบ้านดอนหว่าน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
กิจกรรมที่ 1 อบรมเชิงปฏิบัติการ ถ่ายทอดเทคโนโลยีกระบวนการผลิตพืชสมุนไพรเพื่อให้ได้การรับรองมาตรฐานGAP
กิจกรรมที่ 2 อบรมเชิงปฏิบัติการ การสร้างชุมชนต้นแบบจากเอกลักษณ์ของชุมชนภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานราก
กิจกรรมที่ 3 อบรมเชิงปฏิบัติการ บูรณาการ การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรสู่เชิงพาณิชย์
5.โครงการการยกระดับศักยภาพการผลิตผ้าท้องถิ่นเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับเศรษฐกิจฐานราก บ้านโคกล่าม อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม
กิจกรรมที่ 1 อบรมเชิงปฏิบัติการ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและการออกแบบลวดลายผ้า
กิจกรรมที่ 2 อบรมเชิงปฏิบัติการ เพิ่มศักยภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
กิจกรรมที่ 3 อบรมเชิงปฏิบัติการ บูรณาการการสร้างผลิตภัณฑ์ผ้าสู่เชิงพาณิชย์
6.โครงการบูรณาการพันธกิจสัมพันธ์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจฐานรากชุมชนศรีสวีสดิ์ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
กิจกรรมที่ 1 อบรมเชิงปฏิบัติการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ : 322 คน
งบประมาณที่ใช้ : 2,250,000 บาท
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น :
โครงการพัฒนาชุมชนตำบลบรบือสู่หมู่บ้านราชภัฏขับเคลื่อนด้วยองค์ความรู้เชิงพื้นที่
1.ผู้เข้าร่วมอบรมทั้งหมด 50 คน ได้รับการพัฒนาทักษะการ
เป็นผู้นำชุมชนด้วยกระบวนการลูกเสือ ทำให้มีความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการชุมชน การสร้างการมีส่วนร่วม และการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ
2. เกิดการเชื่อมโยงระหว่างผู้นำจากหมู่บ้านต่างๆ ทำให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งในการพัฒนาตำบลบรบือ
3. ผู้เข้าร่วมอบรมได้รับการพัฒนาให้เป็น
แกนนำของสมาชิกในชุมชน พร้อมสำหรับการขับเคลื่อนการดำเนินงานหมู่บ้านราชภัฏมหาสารคาม
4.ผลิตภัณฑ์จากการอบรม 6 ผลิตภัณฑ์เซรัมสมุนไพร โลชันสมุนไพร สครับสมุนไพร แชมพูสมุนไพร ยาดมสมุนไพร พิมเสนน้ำ รวม 600 รายการ (SKU) สามารถสร้างอาชีพเสริม และสร้างรายได้ คาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2,000-3,000 บาท ต่อครัวเรือน
5.สามารถเปิดเพจร้านค้าออนไลน์ บนแพลตฟอร์ม Facebook Shop และร่วม Live Streaming สดขายสินค้าผ่าน Youtube แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและการประยุกต์ใช้ความรู้ที่ได้รับจากการอบรมไปสู่การปฏิบัติจริงได้อย่างรวดเร็ว
6.ร้านค้าออนไลน์จำนวน 10 ร้านค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์
2.โครงการการยกระดับศักยภาพการแปรรูปข้าวงอกเพื่อการแข่งขันเชิงพาณิชย์และยกระดับเศรษฐกิจฐานราก บ้านหนองฮี อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
1. Outcome เชิงเศรษฐกิจ
• ชุมชนบ้านหนองฮีสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้าวงอกที่มีคุณภาพและมาตรฐาน เช่น ข้าวงอกผง เครื่องดื่มข้าวงอก และเบเกอรี ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มจากผลผลิตข้าวพื้นถิ่น
• เกษตรกรและครัวเรือนได้รายได้เสริมจากการทดลองจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านตลาดชุมชน งาน OTOP และช่องทางออนไลน์ สร้างโอกาสในการแข่งขันทางการตลาดมากขึ้น
• การใช้เทคโนโลยีการผลิต เช่น เครื่องนึ่งไอน้ำประสิทธิภาพสูง ช่วยลดการสูญเสีย ลดต้นทุนแรงงาน และทำให้ได้ผลผลิตที่สม่ำเสมอ มีศักยภาพต่อยอดสู่การผลิตเชิงพาณิชย์
2. Outcome เชิงสังคม
• ชุมชนเกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกร แม่บ้าน และเยาวชน เพื่อวางแผนการผลิต การจัดการคุณภาพ และการตลาดร่วมกัน สร้างความเข้มแข็งและความสามัคคีในชุมชน
• เกิดความร่วมมือกับหน่วยงานภาคี เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และหน่วยงานท้องถิ่น ทำให้ชุมชนได้รับการสนับสนุนและคำแนะนำอย่างต่อเนื่อง (Social Process)
• การบูรณาการการเรียนการสอน ทำให้นักศึกษาและชุมชนได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ร่วมกัน เกิดการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงระหว่างทฤษฎีและการปฏิบัติจริง
3. Outcome เชิงคุณภาพชีวิต
• ผู้เข้าร่วมโครงการ โดยเฉพาะเกษตรกรและแม่บ้าน มีทักษะใหม่ในการผลิตและแปรรูปข้าวงอก ทำให้สามารถสร้างรายได้เสริมและมีความมั่นคงในอาชีพมากขึ้น
• การใช้เทคโนโลยีช่วยลดภาระแรงงาน ลดความเหนื่อยล้า และทำให้การผลิตมีมาตรฐาน ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้ผลิตดีขึ้น
• ชุมชนมีความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้รับการต่อยอดและพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ทันสมัยและตรงกับความต้องการตลาด
4. Outcome เชิงชุมชนต้นแบบ (Social Lab)
• บ้านหนองฮีได้รับการพัฒนาเป็น “ชุมชนต้นแบบด้านการแปรรูปข้าวงอกครบวงจร” ที่เชื่อมโยงทั้งเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม
• เกิดต้นแบบกระบวนการผลิตและแปรรูปข้าวงอกครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ (การนึ่งด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม) กลางน้ำ (การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์) จนถึงปลายน้ำ (การตลาดและการจำหน่ายจริง)
• ชุมชนสามารถเป็น ต้นแบบขยายผล ไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของจังหวัดมหาสารคามและภูมิภาคอีสาน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากด้วยการแปรรูปข้าวงอก
3.โครงการการยกระดับศักยภาพการแปรรูปข้าวงอกเพื่อการแข่งขันเชิงพานิชย์และยกระดับเศรษฐกิจฐานราก บ้านเหล่าจั่น อำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม
1. Outcome เชิงเศรษฐกิจ
• ชุมชนบ้านเหล่าจั่นสามารถผลิตและแปรรูปข้าวงอกเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น ข้าวงอกผง เครื่องดื่มข้าวงอก และเบเกอรีข้าวงอก ซึ่งตอบสนองต่อกระแสตลาดสุขภาพได้จริง
• ผลิตภัณฑ์ข้าวงอกบางส่วนเริ่มเข้าสู่การจำหน่ายทั้งในงานแสดงสินค้า OTOP และผ่านช่องทางตลาดออนไลน์ ทำให้ครัวเรือนมีรายได้เสริม และสร้างโอกาสต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ในอนาคต
• การใช้เทคโนโลยีการผลิต เช่น เครื่องสีข้าวฮาง เครื่องแช่ข้าวฮางงอก และเครื่องหม่านึ่งข้าวฮาง ช่วยลดต้นทุนแรงงาน ลดการสูญเสียผลผลิต และเพิ่มคุณภาพที่สม่ำเสมอ ส่งผลให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของชุมชน
2. Outcome เชิงสังคม
• เกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเหล่าจั่น เพื่อร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกรในเชิงโครงสร้างสังคม
• ชุมชนได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาคี เช่น สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอแกดำ ทำให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือ (Social Process) ที่ช่วยสนับสนุนทั้งมาตรฐานผลิตภัณฑ์ การตลาด และการขยายผล
• คนรุ่นใหม่ในชุมชนและนักศึกษามหาวิทยาลัยเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้การสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นมีความต่อเนื่องและทันสมัย
3. Outcome เชิงคุณภาพชีวิต
• เกษตรกรมีความรู้และทักษะในการผลิตและแปรรูปข้าวงอกที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ส่งผลต่อสุขภาพครัวเรือนและชุมชนที่ดีขึ้น
• ครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการมีรายได้เสริมจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ทำให้มีความมั่นใจและมีกำลังใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง
• ชาวบ้านเกิดความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่น ผ่านการต่อยอดภูมิปัญญาข้าวฮางและข้าวงอกให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์สมัยใหม่ที่ตลาดยอมรับ
4. Outcome เชิงชุมชนต้นแบบ (Social Lab)
• บ้านเหล่าจั่นได้รับการพัฒนาเป็น ชุมชนต้นแบบด้านการแปรรูปข้าวงอกครบวงจร ที่เชื่อมโยงทั้งมิติทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม
• เกิดกระบวนการจัดการตนเองของชุมชน ตั้งแต่การวางแผนการผลิต การควบคุมคุณภาพ การสร้างผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการตลาด ทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้
• ผลลัพธ์ดังกล่าวสามารถต่อยอดเป็นโมเดลการพัฒนาที่ขยายผลได้ไปยังชุมชนอื่น ๆ ของจังหวัดมหาสารคามและภูมิภาคอีสาน ถือเป็นการสร้างต้นแบบ “เศรษฐกิจฐานรากที่ยั่งยืน”
4.โครงการการยกระดับศักยภาพการผลิตพืชสมุนไพรเพื่อการแข่งขันเชิงพานิชย์และยกระดับเศรษฐกิจฐานรากบ้านดอนหว่าน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
1. Outcome เชิงเศรษฐกิจ
• ชุมชนสามารถผลิตสมุนไพรที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน GAP และต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น น้ำมันหอมระเหย สมุนไพรอบแห้ง และสมุนไพรผงบรรจุแคปซูล ทำให้มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดสมุนไพรและสุขภาพ
• ผลิตภัณฑ์สมุนไพรบางส่วนเริ่มเข้าสู่การจำหน่ายจริง ทั้งในงานแสดงสินค้า OTOP และช่องทางออนไลน์ ช่วยสร้างรายได้เสริมแก่ครัวเรือนและกลุ่มวิสาหกิจชุมชน
• กระบวนการแปรรูปและการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มปริมาณและคุณภาพผลผลิต ทำให้เกิดความคุ้มค่าในการประกอบอาชีพ
2. Outcome เชิงสังคม
• เกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจสมุนไพรบ้านดอนหว่านในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างพลังการขับเคลื่อนทางสังคม
• ชุมชนได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาคี ได้แก่ สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมืองมหาสารคาม ช่วยสร้างเครือข่ายและกระบวนการพัฒนาที่เข้มแข็ง (Social Process)
• คนรุ่นใหม่เริ่มมีบทบาทร่วมกับคนในชุมชน ผ่านการเรียนรู้การผลิต การแปรรูป และการตลาดดิจิทัล ทำให้การสืบสานภูมิปัญญาสมุนไพรมีความต่อเนื่องและทันสมัย
3. Outcome เชิงคุณภาพชีวิต
• เกษตรกรมีความรู้ในการปลูกและจัดการสมุนไพรที่ปลอดภัย ลดการใช้สารเคมี ส่งผลให้สุขภาพครัวเรือนและสิ่งแวดล้อมดีขึ้น
• ครัวเรือนที่เข้าร่วมมีความมั่นใจมากขึ้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร สามารถสร้างรายได้เสริมและยกระดับคุณภาพชีวิต
• เกิดความภาคภูมิใจและแรงบันดาลใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่น เมื่อภูมิปัญญาสมุนไพรได้รับการต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่ทันสมัยและมีมาตรฐาน
4. Outcome เชิงชุมชนต้นแบบ (Social Lab)
• บ้านดอนหว่านได้รับการพัฒนาเป็นชุมชนต้นแบบด้านสมุนไพร GAP ที่สามารถเชื่อมโยงกระบวนการครบวงจร ตั้งแต่การผลิตตามมาตรฐาน ไปจนถึงการแปรรูปและการตลาด
• เกิดนวัตกรรมการใช้สมุนไพรในหลายรูปแบบ ทั้งน้ำมันหอมระเหย สมุนไพรผง และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ทำให้ชุมชนมีรูปแบบการพัฒนาที่ชัดเจนและขยายผลได้
• ชุมชนมีระบบการจัดการตนเองที่ยั่งยืนภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถเป็นต้นแบบการพัฒนาไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของจังหวัดมหาสารคามและภูมิภาคอีสาน
5.โครงการการยกระดับศักยภาพการผลิตผ้าท้องถิ่นเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับเศรษฐกิจฐานราก บ้านโคกล่าม อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม
1. Outcome เชิงเศรษฐกิจ
• ชุมชนสามารถผลิตผ้าท้องถิ่นที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูงขึ้น ทำให้เพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์และมีศักยภาพในการแข่งขันทางการตลาด
• ผู้เข้าร่วมสามารถต่อยอดความรู้ที่ได้รับไปสร้างผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ เช่น เสื้อผ้าแฟชั่น กระเป๋า ของใช้ และของที่ระลึก ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ครัวเรือนและกลุ่มทอผ้า
• การใช้นวัตกรรมเครื่องกรอฝ้ายสแตนเลสและเครื่องทอผ้าโครงสแตนเลสช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนแรงงาน และเพิ่มผลผลิตในระยะเวลาเท่าเดิม
2. Outcome เชิงสังคม
• เกิดการรวมกลุ่มของผู้ทอผ้าและครัวเรือนในชุมชน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และพัฒนาทักษะร่วมกัน
• ชุมชนได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาคี ได้แก่ สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอบรบือ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ทำให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นระบบ (Social Process)
• คนรุ่นใหม่ในชุมชนเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการสืบสานงานหัตถกรรมผ้า เพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีมีความทันสมัยและใช้งานง่ายขึ้น
3. Outcome เชิงคุณภาพชีวิต
• ผู้เข้าร่วมโครงการ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ มีแรงงานลดลงจากการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้สามารถทำงานได้ต่อเนื่องโดยไม่เกิดภาระทางร่างกายมากเกินไป
• ครัวเรือนมีความมั่นใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าท้องถิ่น สามารถสร้างรายได้เสริม และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
• เกิดแรงบันดาลใจและความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่นที่ถูกต่อยอดให้มีมูลค่าและทันสมัย
4. Outcome เชิงชุมชนต้นแบบ (Social Lab)
• ชุมชนบ้านโคกล่ามสามารถพัฒนาผ้าท้องถิ่นไปสู่ ผลิตภัณฑ์แฟชั่นและของใช้เชิงสร้างสรรค์ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมทางสังคมที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่
• เกิดต้นแบบกระบวนการพัฒนาผ้าท้องถิ่นครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ (การผลิตเส้นใยและการออกแบบ) กลางน้ำ (การใช้เครื่องมือสมัยใหม่) จนถึงปลายน้ำ (การสร้างผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์และการตลาดดิจิทัล)
• ชุมชนบ้านโคกล่ามสามารถเป็น “ชุมชนต้นแบบด้านสิ่งทอ” ที่ขยายผลได้ไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในจังหวัดมหาสารคามและภูมิภาคอีสาน
6.โครงการบูรณาการพันธกิจสัมพันธ์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจฐานรากชุมชนศรีสวีสดิ์ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
ผลการดำเนินงานตาม Outcome
1. Outcome เชิงเศรษฐกิจ
• ผู้สูงอายุได้รับองค์ความรู้ใหม่ที่สามารถนำไปต่อยอดสร้างรายได้เสริม เช่น การทำผลิตภัณฑ์สุขภาพพื้นบ้าน อาหารเพื่อสุขภาพ และกิจกรรมการแปรรูปในครัวเรือน
• เกิดการยกระดับศักยภาพชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเอง ลดการพึ่งพาทรัพยากรจากภายนอก
• สร้างโอกาสต่อยอดสู่วิสาหกิจชุมชนและกิจกรรมเศรษฐกิจฐานรากที่ยั่งยืน
2. Outcome เชิงสังคม
• ผู้สูงอายุมีการรวมกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้สูงอายุ เยาวชน และหน่วยงานท้องถิ่น
• เกิดเครือข่ายจิตอาสาในชุมชนที่ช่วยกันดูแลผู้สูงอายุและกิจกรรมสาธารณะประโยชน์
• ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวและชุมชนเข้มแข็งขึ้น เนื่องจากผู้สูงอายุมีบทบาทในฐานะผู้นำและผู้ดูแล
3. Outcome เชิงสุขภาพและคุณภาพชีวิต
• ผู้สูงอายุสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ เช่น การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม ออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ
• สุขภาพกายและจิตใจดีขึ้น ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น
• ลดปัญหาการพึ่งพิงและเพิ่มศักยภาพในการดูแลตนเอง
4. Outcome เชิงชุมชนต้นแบบ (Social Lab)
• ชุมชนศรีสวัสดิ์เกิดการพัฒนาเป็น “ชุมชนต้นแบบการดูแลผู้สูงอายุ” ที่สามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่นได้
• มีกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ที่ชุมชนร่วมออกแบบกิจกรรมเอง ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
• ตอบสนองต่อยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น โดยการเชื่อมโยงองค์ความรู้ งานวิจัย และการบริการวิชาการไปสู่การปฏิบัติจริง
ผลกระทบต่อชุมชน/สังคม :
1.บ้านหนองฮีได้รับการพัฒนาเป็น พื้นที่ต้นแบบ การผลิตและแปรรูปข้าวงอกครบวงจรที่บูรณาการมิติทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน
2.เกิดการ รวมกลุ่มของเกษตรกร แม่บ้าน และเยาวชน เพื่อร่วมกันบริหารจัดการ ตั้งแต่การวางแผนการผลิต การควบคุมคุณภาพ ไปจนถึงการจัดการด้านการตลาด
3.ผลิตภัณฑ์ข้าวงอกต้นแบบเริ่มเข้าสู่ ตลาดชุมชน งาน OTOP และช่องทางออนไลน์ ทำให้เกิดรายได้เสริม เพิ่มมูลค่าให้แก่ผลผลิตข้าว และสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ
• บ้านเหล่าจั่นได้รับการพัฒนาเป็น ชุมชนต้นแบบด้านการแปรรูปข้าวงอกครบวงจร ที่เชื่อมโยงทั้งมิติทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม
• เกิดกระบวนการจัดการตนเองของชุมชน ตั้งแต่การวางแผนการผลิต การควบคุมคุณภาพ การสร้างผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการตลาด ทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้
• ผลลัพธ์ดังกล่าวสามารถต่อยอดเป็นโมเดลการพัฒนาที่ขยายผลได้ไปยังชุมชนอื่น ๆ ของจังหวัดมหาสารคามและภูมิภาคอีสาน ถือเป็นการสร้างต้นแบบ “เศรษฐกิจฐานรากที่ยั่งยืน
• บ้านดอนหว่านได้รับการพัฒนาเป็นชุมชนต้นแบบด้านสมุนไพร GAP ที่สามารถเชื่อมโยงกระบวนการครบวงจร ตั้งแต่การผลิตตามมาตรฐาน ไปจนถึงการแปรรูปและการตลาด
• เกิดนวัตกรรมการใช้สมุนไพรในหลายรูปแบบ ทั้งน้ำมันหอมระเหย สมุนไพรผง และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ทำให้ชุมชนมีรูปแบบการพัฒนาที่ชัดเจนและขยายผลได้
• ชุมชนมีระบบการจัดการตนเองที่ยั่งยืนภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถเป็นต้นแบบการพัฒนาไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของจังหวัดมหาสารคามและภูมิภาคอีสาน
• ชุมชนบ้านโคกล่ามสามารถพัฒนาผ้าท้องถิ่นไปสู่ ผลิตภัณฑ์แฟชั่นและของใช้เชิงสร้างสรรค์ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมทางสังคมที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่
• เกิดต้นแบบกระบวนการพัฒนาผ้าท้องถิ่นครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ (การผลิตเส้นใยและการออกแบบ) กลางน้ำ (การใช้เครื่องมือสมัยใหม่) จนถึงปลายน้ำ (การสร้างผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์และการตลาดดิจิทัล)
• ชุมชนบ้านโคกล่ามสามารถเป็น “ชุมชนต้นแบบด้านสิ่งทอ” ที่ขยายผลได้ไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในจังหวัดมหาสารคามและภูมิภาคอีสาน
• ชุมชนศรีสวัสดิ์เกิดการพัฒนาเป็น “ชุมชนต้นแบบการดูแลผู้สูงอายุ” ที่สามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่นได้
• มีกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ที่ชุมชนร่วมออกแบบกิจกรรมเอง ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
การมีส่วนร่วมของนักศึกษา/บุคลากร :
1.บูรณาการกับการเรียนการสอน ผ่านรายวิชา “นวัตกรรมแปรรูปอาหาร” ที่นักศึกษาได้มีส่วนร่วมตั้งแต่การออกแบบ การทดลองพัฒนาผลิตภัณฑ์ จนถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ร่วมกับชุมชน
2.บูรณาการกับการเรียนการสอน ผ่านรายวิชา “นวัตกรรมแปรรูปอาหาร” นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์จริง ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยและชุมชน
ความต่อเนื่องของโครงการ :
-
ปัญหา/อุปสรรค :
การดำเนินงานโครงการแม้จะบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนด แต่ยังพบปัญหาและอุปสรรคบางประการ ได้แก่ ผู้เข้าร่วมบางส่วนยังขาดความคุ้นชินในการใช้เครื่องจักรสมัยใหม่ เช่น เครื่องนึ่งข้าวฮางประสิทธิภาพสูง ทำให้ต้องใช้เวลาฝึกฝนเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดทักษะที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ความไม่สม่ำเสมอของคุณภาพเมล็ดข้าวตามฤดูกาลยังส่งผลต่อมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ อีกทั้งชุมชนยังมีข้อจำกัดด้านทักษะการตลาดดิจิทัลและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดึงดูดผู้บริโภค ทำให้การเข้าถึงตลาดกว้างยังอยู่ในระดับเริ่มต้น อีกทั้งต้นทุนด้านพลังงานและบรรจุภัณฑ์เกรดอาหารยังเป็นภาระที่ชุมชนต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบ
การดำเนินโครงการย่อยที่ 5 แม้จะบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ แต่ยังพบปัญหาและอุปสรรคบางประการ เช่น ผู้เข้าร่วมบางส่วนยังขาดพื้นฐานความรู้ด้านมาตรฐานการผลิตและการควบคุมคุณภาพ ทำให้ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนและปรับตัว ขณะเดียวกันการใช้อุปกรณ์และเครื่องจักร เช่น เครื่องแช่ข้าวงอกและเครื่องหม่านึ่ง ยังมีข้อจำกัดด้านจำนวนและการเข้าถึง ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมบางกลุ่มไม่ได้ทดลองใช้ครบถ้วน นอกจากนี้ การพัฒนาช่องทางการตลาดยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ผลิตภัณฑ์ที่ทดลองจำหน่ายยังมีข้อจำกัดด้านการสร้างแบรนด์ การประชาสัมพันธ์ และการเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งเกษตรกรบางรายยังมีข้อจำกัดด้านเวลาและภาระงาน ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ต่อเนื่อง ส่งผลให้บางกระบวนการเรียนรู้ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่
การดำเนินโครงการย่อยที่ 4 แม้จะบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ แต่ยังพบปัญหาและอุปสรรคบางประการ เช่น ผู้เข้าร่วมบางส่วนยังขาดความรู้พื้นฐานด้านมาตรฐาน GAP และการจัดทำเอกสารประกอบการรับรอง ทำให้ต้องใช้เวลาและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในการฝึกฝนและปรับตัว นอกจากนี้การจัดหาอุปกรณ์และวัตถุดิบสำหรับการแปรรูปสมุนไพรยังมีข้อจำกัดด้านปริมาณและความหลากหลาย ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมบางกลุ่มไม่ได้ทดลองปฏิบัติครบทุกขั้นตอน ขณะเดียวกันผู้เข้าร่วมบางรายมีข้อจำกัดด้านเวลาและภาระงาน ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการประสานงานกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย แม้จะได้รับความร่วมมือที่ดี แต่บางขั้นตอนยังมีความล่าช้า ส่งผลให้การต่อยอดกิจกรรมบางส่วนยังไม่สามารถดำเนินการได้เต็มศักยภาพ
การดำเนินโครงการย่อยที่ 3 แม้จะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ แต่ยังพบปัญหาและอุปสรรคบางประการ ได้แก่ ผู้เข้าร่วมบางส่วนยังมีข้อจำกัดด้านทักษะพื้นฐาน โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และทักษะด้านการตลาดดิจิทัล ทำให้ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และฝึกฝนมากกว่าที่วางแผนไว้ อีกทั้งวัสดุอุปกรณ์สำหรับการฝึกปฏิบัติยังมีไม่เพียงพอและไม่หลากหลาย ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมบางกลุ่มไม่ได้รับโอกาสในการทดลองอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่มีภาระงานในครัวเรือนและการเกษตร ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ครบถ้วนตามกำหนดการ ขณะเดียวกันการประสานงานกับหน่วยงานภาคีแม้จะมีความร่วมมือที่ดี แต่บางกระบวนการยังคงใช้เวลานานและส่งผลให้การต่อยอดบางกิจกรรมยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ
ปัญหาและอุปสรรค
การดำเนินโครงการพบว่ามีปัญหาและอุปสรรคบางประการ โดยผู้สูงอายุบางรายมีข้อจำกัดด้านสุขภาพและโรคประจำตัว ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องการเดินทาง เนื่องจากบ้านพักอยู่ห่างไกลหรือขาดพาหนะที่สะดวก ส่งผลให้มีผู้เข้าร่วมบางส่วนไม่สามารถมาร่วมกิจกรรมได้ครบถ้วน นอกจากนี้อุปกรณ์และสื่อประกอบการสอนบางครั้งไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้เข้าร่วม อีกทั้งยังขาดความหลากหลายที่สามารถตอบสนองความสนใจและความแตกต่างของผู้สูงอายุในแต่ละกลุ่มได้อย่างทั่วถึง ขณะเดียวกันยังพบว่าผู้สูงอายุมีพื้นฐานความรู้และประสบการณ์แตกต่างกัน ทำให้บางกลุ่มต้องใช้เวลาเรียนรู้และปรับตัวมากกว่า
แนวทางการปรับปรุง :
"เพื่อให้การดำเนินโครงการเกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน ได้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
1. ด้านองค์ความรู้และทักษะผู้เข้าร่วม
ควรจัดอบรมเพิ่มเติมหรือจัดทำคู่มือ/สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ (VDO Clip, Infographic) เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถทบทวนขั้นตอนการผลิตข้าวงอกและการใช้เครื่องจักรได้ด้วยตนเอง รวมถึงจัดอบรมเชิงลึกเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มแม่บ้านหรือเยาวชน เพื่อสร้างแกนนำด้านความรู้ภายในชุมชน
2. ด้านการใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยี
ควรจัดหาชุดอุปกรณ์เพิ่มเติมให้เพียงพอต่อจำนวนผู้เข้าร่วม และพัฒนาระบบการฝึกอบรมแบบเวียนกลุ่มย่อย (Rotation) เพื่อให้ทุกคนได้ฝึกปฏิบัติจริงอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งอบรมเจ้าหน้าที่ชุมชนให้เป็น “ครูช่าง” สามารถบำรุงรักษาและถ่ายทอดการใช้งานเครื่องจักรในระยะยาว
3. ด้านการสนับสนุนบรรจุภัณฑ์และการตลาด
ควรสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เช่น สำนักงานพาณิชย์จังหวัด และศูนย์ OTOP เพื่อสนับสนุนบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน พร้อมจัดอบรมด้านการสร้างแบรนด์และการตลาดดิจิทัลให้แก่กลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันเชิงพาณิชย์
4. ด้านการจัดการต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบ
ควรส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก เช่น เตาชีวมวลหรือการอบพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อช่วยลดต้นทุนพลังงาน พร้อมทั้งสนับสนุนการจัดทำ “คลังเมล็ดพันธุ์ข้าว” ของชุมชน เพื่อรักษาคุณภาพเมล็ดข้าวให้สม่ำเสมอตลอดปี ลดผลกระทบจากฤดูกาล
5. ด้านความยั่งยืนและการบริหารจัดการชุมชน
ควรจัดตั้ง “คณะทำงานด้านการแปรรูปข้าวงอก” ภายในชุมชนเพื่อดูแลการผลิตและการตลาดอย่างเป็นระบบ มีการกำหนดมาตรฐานปฏิบัติ (SOP) และการควบคุมคุณภาพ (QC) ทุกขั้นตอน รวมถึงจัดระบบการบันทึกข้อมูลการผลิตเพื่อรองรับการขอมาตรฐาน อย./มผช./GMP ในอนาคต"
ข้อเสนอแนะต่อมหาวิทยาลัย :
เพื่อแก้ไขและพัฒนาโครงการให้ยั่งยืน ควรมีการจัดอบรมเชิงลึกและต่อเนื่องด้านการใช้เครื่องจักร การควบคุมคุณภาพ และการบันทึกมาตรฐานการผลิตเพื่อรองรับการขอ อย. หรือ มผช. ในอนาคต ควรส่งเสริมการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและสร้างแบรนด์ที่สะท้อนอัตลักษณ์ของชุมชน พร้อมทั้งเสริมทักษะด้านการตลาดดิจิทัลให้แก่เกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่าย นอกจากนี้ควรมีการสนับสนุนด้านต้นทุนพลังงาน เช่น การใช้พลังงานทดแทน หรือการพัฒนานวัตกรรมเพื่อลดค่าใช้จ่าย และในระยะยาวควรจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือระหว่างชุมชนใกล้เคียงและหน่วยงานภาคีเพื่อแลกเปลี่ยนวัตถุดิบ เทคโนโลยี และตลาดร่วมกัน อันจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งและความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการในอนาคต ควรมีการจัดอบรมเชิงลึกด้านมาตรฐานการผลิตและการควบคุมคุณภาพ พร้อมทั้งจัดทำคู่มือการผลิตข้าวงอกที่เป็นระบบ เพื่อช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานได้อย่างต่อเนื่อง ควรสนับสนุนการจัดหาอุปกรณ์และเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อให้เกษตรกรทุกกลุ่มสามารถทดลองใช้งานได้อย่างทั่วถึง รวมถึงพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดดิจิทัล การสร้างแบรนด์ และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดึงดูดผู้บริโภคให้มากขึ้น นอกจากนี้ ควรปรับรูปแบบกิจกรรมอบรมให้มีความยืดหยุ่น เช่น การจัดอบรมระยะสั้นหรือแบบเวิร์กช็อปย่อย เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าร่วมได้สะดวกขึ้น และควรสร้างกลไกการประสานงานระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาคี และชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และตลาดเชิงพาณิชย์ให้มีความยั่งยืนในระยะยาว
เพื่อให้โครงการในอนาคตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควรเสริมกิจกรรมการอบรมเชิงลึกด้านการจัดการมาตรฐาน GAP และการแปรรูปสมุนไพรที่ได้มาตรฐาน พร้อมจัดทำคู่มือการบันทึกข้อมูลการผลิตอย่างเป็นระบบ รวมทั้งเพิ่มการจัดหาอุปกรณ์และวัตถุดิบที่เพียงพอและหลากหลาย เพื่อรองรับการฝึกปฏิบัติที่เข้มข้น ควรพัฒนาทักษะด้านการตลาดดิจิทัล การสร้างแบรนด์ และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัยให้แก่ผู้เข้าร่วม เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขันในตลาดสมุนไพรสุขภาพ อีกทั้งควรมีการวางแผนตารางกิจกรรมที่ยืดหยุ่นสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชน และสร้างกลไกการประสานงานกับหน่วยงานภาคีในรูปแบบคณะทำงานร่วม เพื่อให้การสนับสนุนและการต่อยอดกิจกรรมมีความเป็นระบบ ต่อเนื่อง และสามารถพัฒนาชุมชนบ้านดอนหว่านสู่การเป็นต้นแบบด้านสมุนไพรที่ยั่งยืนในระยะยาว
เพื่อให้การดำเนินโครงการในอนาคตมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนมากยิ่งขึ้น ควรจัดอบรมเชิงลึกหรือเวิร์กช็อปเพิ่มเติมเฉพาะด้าน เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การตลาดออนไลน์ และการสร้างแบรนด์สินค้า รวมถึงจัดเตรียมอุปกรณ์และวัสดุให้เพียงพอและหลากหลายเพื่อรองรับการฝึกปฏิบัติที่เข้มข้น ควรกำหนดตารางเวลาอบรมที่ยืดหยุ่นมากขึ้น สอดคล้องกับวิถีชีวิตและภาระงานของคนในชุมชน และเสริมสร้างระบบการให้คำปรึกษาต่อเนื่องหลังการอบรม ทั้งในเชิงเทคนิคและการตลาด นอกจากนี้ควรสร้างกลไกการประสานงานกับหน่วยงานภาคีในรูปแบบคณะทำงานร่วม เพื่อให้การสนับสนุนและการต่อยอดกิจกรรมเป็นไปอย่างเป็นระบบ มีความต่อเนื่อง และสามารถนำชุมชนบ้านโคกล่ามไปสู่การเป็นชุมชนต้นแบบด้านผ้าท้องถิ่นที่ยั่งยืนได้ในระยะยาว
ข้อเสนอแนะ
จากปัญหาดังกล่าว ข้อเสนอแนะที่ควรนำไปปรับใช้คือ การปรับรูปแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้สูงอายุ โดยควรเลือกกิจกรรมที่ไม่ใช้แรงกายมากเกินไป และเพิ่มช่วงเวลาพักระหว่างการอบรมเพื่อให้ผู้สูงอายุได้ผ่อนคลาย ควรสนับสนุนการเข้าถึงกิจกรรมให้สะดวกมากขึ้น เช่น การจัดหารถรับ–ส่ง หรือจัดกิจกรรมในพื้นที่ชุมชน รวมถึงการใช้สื่อออนไลน์หรือวิดีโอประกอบเพื่อให้ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมกิจกรรมยังสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ควรเตรียมอุปกรณ์และสื่อการสอนให้เพียงพอและหลากหลายมากขึ้น เช่น สื่อภาพ เสียง คลิปวิดีโอ และสื่อที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ ตลอดจนปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยและสอดคล้องกับบริบทของชุมชน โดยบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับองค์ความรู้ทางวิชาการเพื่อสร้างความภาคภูมิใจและการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุ อีกทั้งควรต่อยอดการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ในชุมชน เช่น การจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุหรือกลุ่มเรียนรู้ร่วมกัน และเชื่อมโยงกับหน่วยงานสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเยาวชน เพื่อพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุที่มีความต่อเนื่องและยั่งยืน
โครงการมีผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนในหลายมิติ อย่างไรก็ตาม ควรมี
การสนับสนุนด้านการขอรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์เพื่อให้สามารถขายออนไลน์ได้ รวมทั้งการพัฒนา
ระบบการตลาดและการขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ควรมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้
โครงการสามารถสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนในระยะยาวต่อไป
การประเมินคั้งนี้แสดงให้เห็นว่า โครงการพัฒนาชุมชนตำบลบรบือสู่หมู่ราชภัฏขับเคลื่อน
ด้วยองค์ความรู้เชิงพื้นที่ สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและวางรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนา
ชุมชนอย่างยั่งยืนในอนาคต