โครงการการยกระดับศักยภาพการแปรรูปข้าวงอกเพื่อการแข่งขันเชิงพาณิชย์และยกระดับเศรษฐกิจฐานราก บ้านหนองฮี อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม

โครงการการยกระดับศักยภาพการแปรรูปข้าวงอกเพื่อการแข่งขันเชิงพาณิชย์และยกระดับเศรษฐกิจฐานราก บ้านหนองฮี อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม

ผู้รับผิดชอบ ให้ข้อมูล : ผศ.ดร.วสันต์ ปินะเต

SDG ที่เกี่ยวข้อง
เป้าหมายย่อย

ความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัย : พันธกิจสัมพันธ์เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค

แหล่งงบประมาณ : งบประมาณแผ่นดิน

กลุ่มเป้าหมาย : ชุมชน

พื้นที่ดำเนินงาน : บ้านหนองฮี ตำบล เมืองเตา อำเภอ พยัคฆภูมิพิสัย จังหวัด มหาสารคาม 44110

ระยะเวลาดำเนินงาน : 1 มกราคม 2568 – 31 สิงหาคม 2568

วัตถุประสงค์โครงการ :
1) เพื่อยกระดับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ด้วยองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ผ่านกระบวนการการมองภาพอนาคต (FORESIGHT)
2)เพื่อเสริมสนับสนุนให้คนในชุมชนสามารถบริหารจัดการชีวิตตนเองได้อย่างสมดุลและมีความเหมาะสม สามารถดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนำไปสู่การพึ่งพาตนเองและช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชุมชนได้อย่างยั่งยืน ในมิติด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อม
3) เพื่อพัฒนาชุมชนต้นแบบ (Social Lab) ด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ ต่อยอด ขยายผลการพัฒนาทั้งในเชิงประเด็น และเชิงพื้นที่

กิจกรรมหลัก :
กิจกรรมที่ 1 อบรมเชิงปฏิบัติการ ถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวข้าวด้วย วทน.
กิจกรรมที่ 2 อบรมเชิงปฏิบัติการ ถ่ายทอดองค์ความรู้ กระบวนการและเทคโนโลยีการแปรรูปข้าวงอก
กิจกรรมที่ 3 อบรมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาและสร้างต้นแบบกระบวนการแปรรูปข้าวงอกด้วยเทคโนโลยี

จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ : 40 คน

งบประมาณที่ใช้ : 443,772 บาท

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น :
1. Outcome เชิงเศรษฐกิจ
• ชุมชนบ้านหนองฮีสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้าวงอกที่มีคุณภาพและมาตรฐาน เช่น ข้าวงอกผง เครื่องดื่มข้าวงอก และเบเกอรี ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มจากผลผลิตข้าวพื้นถิ่น
• เกษตรกรและครัวเรือนได้รายได้เสริมจากการทดลองจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านตลาดชุมชน งาน OTOP และช่องทางออนไลน์ สร้างโอกาสในการแข่งขันทางการตลาดมากขึ้น
• การใช้เทคโนโลยีการผลิต เช่น เครื่องนึ่งไอน้ำประสิทธิภาพสูง ช่วยลดการสูญเสีย ลดต้นทุนแรงงาน และทำให้ได้ผลผลิตที่สม่ำเสมอ มีศักยภาพต่อยอดสู่การผลิตเชิงพาณิชย์
2. Outcome เชิงสังคม
• ชุมชนเกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกร แม่บ้าน และเยาวชน เพื่อวางแผนการผลิต การจัดการคุณภาพ และการตลาดร่วมกัน สร้างความเข้มแข็งและความสามัคคีในชุมชน
• เกิดความร่วมมือกับหน่วยงานภาคี เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และหน่วยงานท้องถิ่น ทำให้ชุมชนได้รับการสนับสนุนและคำแนะนำอย่างต่อเนื่อง (Social Process)
• การบูรณาการการเรียนการสอน ทำให้นักศึกษาและชุมชนได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ร่วมกัน เกิดการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงระหว่างทฤษฎีและการปฏิบัติจริง
3. Outcome เชิงคุณภาพชีวิต
• ผู้เข้าร่วมโครงการ โดยเฉพาะเกษตรกรและแม่บ้าน มีทักษะใหม่ในการผลิตและแปรรูปข้าวงอก ทำให้สามารถสร้างรายได้เสริมและมีความมั่นคงในอาชีพมากขึ้น
• การใช้เทคโนโลยีช่วยลดภาระแรงงาน ลดความเหนื่อยล้า และทำให้การผลิตมีมาตรฐาน ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้ผลิตดีขึ้น
• ชุมชนมีความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้รับการต่อยอดและพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ทันสมัยและตรงกับความต้องการตลาด
4. Outcome เชิงชุมชนต้นแบบ (Social Lab)
• บ้านหนองฮีได้รับการพัฒนาเป็น “ชุมชนต้นแบบด้านการแปรรูปข้าวงอกครบวงจร” ที่เชื่อมโยงทั้งเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม
• เกิดต้นแบบกระบวนการผลิตและแปรรูปข้าวงอกครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ (การนึ่งด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม) กลางน้ำ (การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์) จนถึงปลายน้ำ (การตลาดและการจำหน่ายจริง)
• ชุมชนสามารถเป็น ต้นแบบขยายผล ไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของจังหวัดมหาสารคามและภูมิภาคอีสาน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากด้วยการแปรรูปข้าวงอก

ผลกระทบต่อชุมชน/สังคม :
1.บ้านหนองฮีได้รับการพัฒนาเป็น พื้นที่ต้นแบบ การผลิตและแปรรูปข้าวงอกครบวงจรที่บูรณาการมิติทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน
2.เกิดการ รวมกลุ่มของเกษตรกร แม่บ้าน และเยาวชน เพื่อร่วมกันบริหารจัดการ ตั้งแต่การวางแผนการผลิต การควบคุมคุณภาพ ไปจนถึงการจัดการด้านการตลาด
3.ผลิตภัณฑ์ข้าวงอกต้นแบบเริ่มเข้าสู่ ตลาดชุมชน งาน OTOP และช่องทางออนไลน์ ทำให้เกิดรายได้เสริม เพิ่มมูลค่าให้แก่ผลผลิตข้าว และสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ

การมีส่วนร่วมของนักศึกษา/บุคลากร :
1.บูรณาการกับการเรียนการสอน ผ่านรายวิชา “นวัตกรรมแปรรูปอาหาร” ที่นักศึกษาได้มีส่วนร่วมตั้งแต่การออกแบบ การทดลองพัฒนาผลิตภัณฑ์ จนถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ร่วมกับชุมชน

ความต่อเนื่องของโครงการ :
-

ปัญหา/อุปสรรค :
การดำเนินงานโครงการแม้จะบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนด แต่ยังพบปัญหาและอุปสรรคบางประการ ได้แก่ ผู้เข้าร่วมบางส่วนยังขาดความคุ้นชินในการใช้เครื่องจักรสมัยใหม่ เช่น เครื่องนึ่งข้าวฮางประสิทธิภาพสูง ทำให้ต้องใช้เวลาฝึกฝนเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดทักษะที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ความไม่สม่ำเสมอของคุณภาพเมล็ดข้าวตามฤดูกาลยังส่งผลต่อมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ อีกทั้งชุมชนยังมีข้อจำกัดด้านทักษะการตลาดดิจิทัลและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดึงดูดผู้บริโภค ทำให้การเข้าถึงตลาดกว้างยังอยู่ในระดับเริ่มต้น อีกทั้งต้นทุนด้านพลังงานและบรรจุภัณฑ์เกรดอาหารยังเป็นภาระที่ชุมชนต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบ

แนวทางการปรับปรุง :
เพื่อให้การดำเนินโครงการเกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน ได้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
1. ด้านองค์ความรู้และทักษะผู้เข้าร่วม
ควรจัดอบรมเพิ่มเติมหรือจัดทำคู่มือ/สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ (VDO Clip, Infographic) เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถทบทวนขั้นตอนการผลิตข้าวงอกและการใช้เครื่องจักรได้ด้วยตนเอง รวมถึงจัดอบรมเชิงลึกเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มแม่บ้านหรือเยาวชน เพื่อสร้างแกนนำด้านความรู้ภายในชุมชน
2. ด้านการใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยี
ควรจัดหาชุดอุปกรณ์เพิ่มเติมให้เพียงพอต่อจำนวนผู้เข้าร่วม และพัฒนาระบบการฝึกอบรมแบบเวียนกลุ่มย่อย (Rotation) เพื่อให้ทุกคนได้ฝึกปฏิบัติจริงอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งอบรมเจ้าหน้าที่ชุมชนให้เป็น “ครูช่าง” สามารถบำรุงรักษาและถ่ายทอดการใช้งานเครื่องจักรในระยะยาว
3. ด้านการสนับสนุนบรรจุภัณฑ์และการตลาด
ควรสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เช่น สำนักงานพาณิชย์จังหวัด และศูนย์ OTOP เพื่อสนับสนุนบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน พร้อมจัดอบรมด้านการสร้างแบรนด์และการตลาดดิจิทัลให้แก่กลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันเชิงพาณิชย์
4. ด้านการจัดการต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบ
ควรส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก เช่น เตาชีวมวลหรือการอบพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อช่วยลดต้นทุนพลังงาน พร้อมทั้งสนับสนุนการจัดทำ “คลังเมล็ดพันธุ์ข้าว” ของชุมชน เพื่อรักษาคุณภาพเมล็ดข้าวให้สม่ำเสมอตลอดปี ลดผลกระทบจากฤดูกาล
5. ด้านความยั่งยืนและการบริหารจัดการชุมชน
ควรจัดตั้ง “คณะทำงานด้านการแปรรูปข้าวงอก” ภายในชุมชนเพื่อดูแลการผลิตและการตลาดอย่างเป็นระบบ มีการกำหนดมาตรฐานปฏิบัติ (SOP) และการควบคุมคุณภาพ (QC) ทุกขั้นตอน รวมถึงจัดระบบการบันทึกข้อมูลการผลิตเพื่อรองรับการขอมาตรฐาน อย./มผช./GMP ในอนาคต

ข้อเสนอแนะต่อมหาวิทยาลัย :
เพื่อแก้ไขและพัฒนาโครงการให้ยั่งยืน ควรมีการจัดอบรมเชิงลึกและต่อเนื่องด้านการใช้เครื่องจักร การควบคุมคุณภาพ และการบันทึกมาตรฐานการผลิตเพื่อรองรับการขอ อย. หรือ มผช. ในอนาคต ควรส่งเสริมการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและสร้างแบรนด์ที่สะท้อนอัตลักษณ์ของชุมชน พร้อมทั้งเสริมทักษะด้านการตลาดดิจิทัลให้แก่เกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่าย นอกจากนี้ควรมีการสนับสนุนด้านต้นทุนพลังงาน เช่น การใช้พลังงานทดแทน หรือการพัฒนานวัตกรรมเพื่อลดค่าใช้จ่าย และในระยะยาวควรจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือระหว่างชุมชนใกล้เคียงและหน่วยงานภาคีเพื่อแลกเปลี่ยนวัตถุดิบ เทคโนโลยี และตลาดร่วมกัน อันจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งและความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง

SDGs RMU