โครงการพัฒนาและส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการจัดการทรัพยากรชุมชนอย่างยั่งยืน
ผู้รับผิดชอบ ให้ข้อมูล : ผศ.ดร.สมสุข ไตรศุภกิตติ
SDG ที่เกี่ยวข้อง
เป้าหมายย่อยความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัย : พันธกิจสัมพันธ์เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค
แหล่งงบประมาณ : งบประมาณเงินรายได้
กลุ่มเป้าหมาย : หน่วยงานภายนอก
พื้นที่ดำเนินงาน : โรงเรียนมหาชัยพิทยาคาร ตำบล ท่าขอนยาง อำเภอ กันทรวิชัย จังหวัด มหาสารคาม 44150
ระยะเวลาดำเนินงาน : 1 มกราคม 2568 – 8 มกราคม 2568
วัตถุประสงค์โครงการ :
1. เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะเกี่ยวกับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ระบบน้ำวนในการปลูกผักไร้ดิน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการทรัพยากร
2. เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ระบบน้ำวนในการปลูกผักไร้ดิน เพื่อเพิ่มความยั่งยืนในการจัดการพลังงานในพื้นที่ที่มีทรัพยากรจำกัด
กิจกรรมหลัก :
ต้นน้ำ
1. จัดอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์
2. ประเมินความเข้าใจและทักษะการเรียนรู้
กลางน้ำ
3. วางแผนการติดตั้งระบบ และฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ระบบน้ำวนในการปลูกผักไร้ดิน”
4. ติดตามการใช้งาน เก็บข้อมูลการผลิต และประเมินการดูแลระบบ
ปลายน้ำ
5. ประเมินผลการอบรม ความรู้หลังการอบรม เก็บข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุง
6. ประเมินผลการใช้ ผลผลิต และรายงานผล
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ : 100 คน
งบประมาณที่ใช้ : 100,000 บาท
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น :
(1) ได้ 1 ศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ
(2) บุคลากรในมหาวิทยาลัยได้ใช้ศักยภาพในการบูรณาการองค์ความรู้ร่วมกับชุมชนในการบริหารจัดการทรัพยากร
(3) มี 1 สิ่งประดิษฐ์ที่โดดเด่นเป็นอัตลักษณ์ของศูนย์เรียนรู้
(4) มี 2 รายวิชาที่มีการบูรณาการในการจัดการเรียนการสอน
ผลกระทบต่อชุมชน/สังคม :
จากการพัฒนาและส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ระบบน้ำวนในการปลูกผักไร้ดิน ครู นักเรียน และผู้ปกครองของนักเรียน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคต เช่น สร้างระบบใช้เองในครัวเรือน ซึ่งสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองในศูนย์การเรียนรู้ที่ตั้งไว้ที่โรงเรียนมหาชัยพิทยาคาร สามารถอธิบายด้านต่างๆ ได้ดังนี้
1. ด้านเศรษฐกิจ
• การประหยัดค่าใช้จ่าย: การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดหาพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานฟอสซิล เช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและธุรกิจในชุมชน
• การสร้างงาน: การติดตั้งและบำรุงรักษาระบบพลังงานแสงอาทิตย์จะสร้างงานในชุมชน เช่น การฝึกอบรมช่างเทคนิค การประกอบติดตั้ง ระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และ/หรือการขายผักไร้ดิน เป็นต้น
• การพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของชุมชน: การใช้พลังงานทดแทนจะช่วยให้ชุมชนลดความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาพลังงานจากภายนอก ทำให้สามารถบริหารต้นทุนได้ดีกว่าและมีความยั่งยืนในระยะยาว
2. ด้านสังคม
• การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน: โครงการช่วยเสริมสร้างความร่วมมือและความเข้าใจในชุมชนตำบลท่าสองคอน (ครู นักเรียน และผู้ปกครองของนักเรียน) โดยการร่วมกันพัฒนาและใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งเป็นการเพิ่มความสามารถในการจัดการทรัพยากรของชุมชนอย่างยั่งยืน
• การเข้าถึงพลังงาน: ชุมชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือพื้นที่ที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าได้จะได้รับประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานจากภายนอก ซึ่งช่วยให้ชุมชนมีความเป็นอิสระทางพลังงาน
• การพัฒนาคุณภาพชีวิต: การใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ช่วยให้ชุมชนมีแหล่งพลังงานที่ปลอดภัยและเสถียร สร้างความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน เช่น การประยุกต์แผงพลังงานแสงอาทิตย์ให้แสงสว่างในเวลากลางคืน หรือการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในด้านอื่นๆ
3. ด้านการศึกษา
• การเรียนรู้เกี่ยวกับพลังงานทดแทน: ชุมชนจะได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความรู้และทักษะในการใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด รวมทั้งการจัดการและบำรุงรักษาระบบพลังงานแสงอาทิตย์
• การส่งเสริมความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี: โครงการนี้สามารถใช้เป็นกรณีศึกษาในโรงเรียนหรือการเรียนการสอนในชุมชน เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหาพลังงานและการพัฒนาที่ยั่งยืน
• การสร้างโอกาสในการศึกษาและการฝึกอบรม: การสร้างงานในภาคพลังงานทดแทนจะเปิดโอกาสให้คนในชุมชนได้ฝึกทักษะใหม่ ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในด้านวิศวกรรม พลังงาน หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ
4. ด้านสิ่งแวดล้อม
• การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: การใช้พลังงานแสงอาทิตย์แทนพลังงานฟอสซิลช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ซึ่งจะมีผลดีต่อการลดภาวะโลกร้อนและการรักษาสภาพแวดล้อม
• การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ: การใช้พลังงานทดแทนลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ถ่านหินและน้ำมัน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีจำกัดและสามารถทำให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
• การฟื้นฟูและการรักษาสภาพแวดล้อม: การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ช่วยลดการเกิดมลพิษจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งช่วยในการรักษาคุณภาพอากาศและน้ำในชุมชน
การมีส่วนร่วมของนักศึกษา/บุคลากร :
(1) เพื่อนอาจารย์ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชนในฐานะการเป็นวิทยากร
(2) นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการออกแบบสื่อสำหรับการเรียนรู้
ความต่อเนื่องของโครงการ :
แนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณต่อไป
1) การขยายผลและพัฒนาโครงการต่อยอด
1.1) ขยายผลสู่โรงเรียนและชุมชนเป้าหมายใหม่ คัดเลือกโรงเรียนและชุมชนที่มีศักยภาพและความพร้อมเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติม เพื่อกระจายองค์ความรู้และเทคโนโลยีให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
1.2) พัฒนาชุดรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย นอกจากการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ อาจพิจารณาเพิ่มหัวข้อการเกษตรสมัยใหม่ที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น การปลูกพืชแบบแนวตั้ง หรือระบบสมาร์ทฟาร์มขนาดเล็ก
1.3) ยกระดับเทคโนโลยี AR และสื่อการเรียนรู้ เพิ่มเนื้อหาและความสามารถของสื่อ AR ให้มีความซับซ้อนและน่าสนใจยิ่งขึ้น เช่น การจำลองสถานการณ์การปลูก การแก้ไขปัญหาระบบ หรือการเชื่อมโยงข้อมูลแบบเรียลไทม์จากระบบจริง
1.4) จัดตั้งศูนย์เรียนรู้ต้นแบบ พิจารณาจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ถาวรภายในมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนเป้าหมาย เพื่อเป็นแหล่งศึกษาดูงานและอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับผู้สนใจมากขึ้น
2) การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม
2.1) วิจัยเชิงลึกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบ ศึกษาและวิจัยเพื่อปรับปรุงระบบน้ำวนจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในด้านการประหยัดพลังงาน การใช้น้ำ และผลผลิตของพืช
2.2) พัฒนานวัตกรรมต่อยอดจากสื่อ AR วิจัยและพัฒนาแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์ม AR ที่สามารถเชื่อมโยงกับการจัดการฟาร์มจริง เช่น การแสดงข้อมูลค่า pH EC อุณหภูมิ แบบเรียลไทม์ผ่าน AR
2.3) เผยแพร่ผลงานวิจัย สนับสนุนการตีพิมพ์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากโครงการในวารสารวิชาการระดับชาติและนานาชาติ รวมถึงนำเสนอในงานประชุมวิชาการต่างๆ
3) การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ
3.1) เสริมสร้างความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน ประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน หรือภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณและทรัพยากร
3.2) สร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ เชิญผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยมาร่วมเป็นที่ปรึกษาและวิทยากร เพื่อยกระดับคุณภาพของโครงการ
3.3) ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จัดเวทีหรือกิจกรรมเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ระหว่างโรงเรียน ชุมชน และมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการ
4) การบูรณาการกับการเรียนการสอนและการบริการวิชาการ
4.1) บรรจุโครงการเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา พิจารณาบูรณาการเนื้อหาและกิจกรรมของโครงการเข้ากับรายวิชาที่เกี่ยวข้องในหลักสูตรของมหาวิทยาลัย เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้และลงมือปฏิบัติจริง
4.2) ส่งเสริมการทำโครงงานและ/หรือวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา เปิดโอกาสให้นักศึกษาจากหลากหลายสาขาเข้ามาทำโครงงานและ/หรือวิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ทั้งในด้านเทคโนโลยี การเกษตร การจัดการ หรือการศึกษา
4.3) จัดกิจกรรมบริการวิชาการอย่างต่อเนื่อง กำหนดให้การบริการวิชาการเป็นพันธกิจหลักที่ดำเนินการอย่างสม่ำเสมอ โดยมีโครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการของมหาวิทยาลัย
ปัญหา/อุปสรรค :
ก่อนดำเนินงานเป็นพื้นที่ที่มีคาน แต่ไม่ได้รับการดูแล และอุปสรรค์เรื่องฝนตกที่ไม่อาจควบคุมได้
แนวทางการปรับปรุง :
ทางทีมงานได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยการปรับปรุงคานให้แข็งแรง การเทปูนยึดคานให้แข็งแรง ทำการติดสแลน และเพิ่มเติมในการทำเป็นศูนย์การเรียนรู้การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ขนาดย่อม
ข้อเสนอแนะต่อมหาวิทยาลัย :
มีควรโครงการกิจกรรมดังกล่าว ในการขยายผลและสร้างเครือข่ายในอนาคต